พระพุทธเจ้ามีกี่ประเภท? อะไรบ้าง?
มีการสร้างบารมีต่างกันอย่างไร?
จงอธิบายพอเข้าใจ
พระพุทธเจ้ามี ๒ ประเภท คือ
(1.) พระพุทธเจ้าภาคโปรด
(2.) พระพุทธเจ้าภาคปราบ
เป็นการแบ่งตามลักษณะของความรู้ เพราะพระพุทธเจ้าทั้ง ๒ ภาค มีความรู้ต่างกันคือ พระพุทธเจ้าภาคโปรดมีความรู้ทางมรรคผล เป็นความรู้สอนศาสนา แต่พระพุทธเจ้าภาคปราบมีความรู้ในการรบ คือความรู้อาสวักขยญาณ เป็นความรู้พิชัยสงคราม เป็นความรู้ในการรบทัพจับศึก เป็นความรู้ที่ใช้รบกับมาร
พระพุทธเจ้าภาคปราบหายาก แต่พระพุทธเจ้าภาคโปรดมีจำนวนมากมาย การสร้างบารมีเพื่อการไปสู่พระพุทธเจ้าดังกล่าวนี้มีความต่างกัน พระพุทธเจ้าภาคปราบสร้างบารมียากมาก แต่พระพุทธเจ้าภาคโปรดสร้างบารมีง่ายกว่ากันมากทีเดียว พระพุทธเจ้าภาคปราบนั้นจะต้องเรียนวิชารบคือวิชาปราบมารไปทุกชาติ จนถึงขั้นบารมีเต็มส่วน จึงจะได้มาตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าภาคปราบ
กล่าวถึงการสร้างบารมี ต้องสร้างบารมี ๑๐ ประการเป็นพื้นฐานก่อนเสมอไป คือ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี ต้องสร้างบารมี ๑๐ ประการนี้ให้เต็มส่วนก่อน เมื่อบารมีเต็มส่วนแล้ว ก็เข้าคิวมาตรัสรู้ในโลก กล่าวถึงพระพุทธเจ้าภาคโปรด เพียงเท่านี้ก็มาตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าภาคโปรดได้แล้ว แต่การเวียนว่ายตายเกิดเพื่อสร้างบารมีให้เต็มส่วนนั้น จะกี่ร้อยชาติ? จะกี่พันชาติ? นับชาตินับภพไม่ถ้วน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากเป็นการให้ลูกเป็นทาน ให้ภรรยาเป็นทาน ควักลูกนัยน์ตาให้เป็นทาน หากจะเอาสูตรนั้น ก็ต้องใช้เวลานับภพไม่ถ้วน แต่ถ้ามาสอนให้ประชาชนเป็นธรรมกายอย่างที่ข้าพเจ้าทำอยู่ขณะนี้ ไม่ต้องใช้เวลาเวียนว่ายเกิดเวียนตายนาน เพราะอะไรหรือ? ก็เพราะว่าพระพุทธองค์ตรัสว่า “สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ” การให้ธรรมเป็นทาน ประเสริฐกว่าอะไรทั้งปวง นั่นเอง
เมื่อบารมี ๑๐ ประการเต็มส่วนแล้ว นั่นเป็นบารมีพื้นฐาน ต้องเรียนวิชาปราบมารไปทุกชาติทีเดียว ต่อเมื่อบารมีปราบมารเต็มส่วนเมื่อไร? จึงจะได้จังหวะมาเกิดเพื่อมาตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าภาคปราบ จะใช้เวลาสร้างบารมีมากกว่าพระพุทธเจ้าภาคโปรด ถามว่าจะกี่ภพกี่ชาตินั้น? ยังบอกไม่ได้ บอกได้แต่ว่า ใช้เวลานานมาก ใช้เวลานานกว่าพระพุทธเจ้าภาคโปรดมากมาย เพราะพระพุทธเจ้าภาคปราบสร้างบารมียาก จึงหาพระพุทธเจ้าภาคปราบยากเหลือเกิน หากท่านเป็นธรรมกาย เราฝึกเข้านิพพานให้นานปี เราก็พอทราบได้ ว่าพระพุทธเจ้าภาคปราบหายากเหลือเกิน ส่วนใหญ่เราพบแต่พระพุทธเจ้าภาคโปรดทั้งนั้น
วิชาปราบมารคืออย่างไร? มีหลักสูตรเรียนอย่างไร? นี่คือคำถามที่ท่านอยากให้ข้าพเจ้าอธิบาย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตอบง่าย ๆ ให้เป็นที่เข้าใจ จงดูหลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นตัวอย่าง หลวงพ่อเรียนอย่างไร? ทำวิชาอย่างไร? ให้ท่านเรียนอย่างนั้น ทำวิชาอย่างนั้น ทำไปทุกชาติ จนกว่าจะได้โอกาสตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้า ใครเรียนวิชาอย่างที่หลวงพ่อเรียนใครทำวิชาอย่างที่หลวงพ่อทำ? ทำไปทุกชาติ จนกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าเรียกพระพุทธเจ้าที่มีความรู้อย่างนั้นว่าพระพุทธเจ้าภาคปราบ เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าภาคปราบ
จะเห็นว่า การสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบนั้น ทำได้ยาก! ต้องใช้เวลาสร้างบารมียาวนาน ใช้เวลานานกว่าพระพุทธเจ้าภาคโปรดเป็นอันมาก ต้องเวียนเกิดเวียนตายกันนาน กว่าจะได้พระพุทธเจ้าภาคปราบแต่ละองค์นั้น ไม่ใช่งานที่ทำได้ง่ายเลย หากเราไม่มีพระพุทธเจ้าภาคปราบ เราก็แพ้มารอยู่อย่างนี้ การที่เราแพ้มารเป็นเพราะอะไร? นี่คือคำถามที่ท่านอยากให้ข้าพเจ้าตอบ คำถามนี้ไม่มีใครตอบได้? แต่ข้าพเจ้าทำวิชาปราบมารมานานข้าพเจ้าจึงได้รู้ รู้ว่าที่เราแพ้มารเป็นเพราะเรามีพระพุทธเจ้าภาคปราบน้อย นั่นเอง การที่เรามีพระพุทธเจ้าภาคปราบน้อยนี่เอง เราจึงไม่มีใครไปสู้รบกับมาร เราแพ้มารเป็นเพราะเราไม่มีความรู้ในการรบ ความรู้การรบที่มีอยู่เดิมนั้นใช้การไม่ได้เสียแล้ว มารเขามีความรู้เหนือเราเสียแล้ว เขาแก้วิชาของเราได้หมด แต่เราแก้วิชาของเขาไม่ได้ เราจึงเป็นผู้แพ้ เราแก้วิชามารได้ไม่จริง เราจึงเป็นผู้แพ้ไปตามระเบียบ ผลแห่งการแพ้มารมีความเสียหายอย่างไร? ข้าพเจ้าบรรยายมามากแล้ว ให้ท่านกลับไปอ่านดูใหม่
ทั้งพระพุทธเจ้าภาคโปรดและภาคปราบ
ยังจำแนกแจกแจงเป็นพระพุทธเจ้าต่าง ๆ อีกหลายอย่าง
๑. สัพพัญญูพุทธเจ้า ถือว่าสูงสุด ต้องตรัสรู้ด้วยพระองค์เองเท่านั้น
๒. พหูสูตพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง เป็นผู้เล่าเรียนมามาก ได้สดับรับฟังมามาก จำพระไตรปิฎกได้หมด จำคำสอนของสัพพัญญูพุทธเจ้าได้หมด ไม่ได้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
๓. ปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง เห็นธรรมจากสัพพัญญูพุทธเจ้าแล้ว ก็ปฏิบัติธรรมเฉพาะตนไม่สอนใคร
๔. อนุพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง เจริญรอยตามพระพุทธองค์จนเห็นกายธรรม ได้แก่พวกเราที่เป็นธรรมกายในทุกวันนี้
การเลื่อนชั้นจากพระพุทธเจ้าประเภทต่าง ๆ
เข้าสู่การเป็นสัพพัญญูพุทธเจ้า จะทำอย่างไร?
ทั้งพหูสูตพุทธเจ้า ปัจเจกพุทธเจ้า และอนุพุทธเจ้า จะเลื่อนชั้นเข้าสู่การเป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าได้ จะต้องสร้างบารมี ๑๐ ประการต่อไป จนดวงบารมีโตเต็มส่วนเข้ากฎเกณฑ์การเป็นสัพพัญญูพุทธเจ้า จากนั้น จึงจะมาเกิดในโลกเพื่อตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าต่อไป
แต่ถ้าไม่ประสงค์จะเป็นสัพพัญญูพุทธเจ้า เมื่อถึงจุดที่ได้มรรคผลนิพพาน ก็เข้านิพพานได้เช่นเดียวกัน กล่าวถึง ปัจเจกพุทธเจ้า นิพพานของพระองค์ก็มีแต่พระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น นี่คือข้อเสีย! วิธีแก้ก็คือต้องสอนประชาชน จึงจะได้มรรคผลนิพพานแบบสมบูรณ์บรรยายมาถึงตรงนี้ ทำให้นึกถึงกองทัพวิทยากรของข้าพเจ้าอย่างทันใด ก็พบว่าวิทยากรทั้งหมดไม่ว่าใครทั้งนั้น สอนได้ทุกคน และต่อวิชา ๑๘ กายให้แก่ผู้ฝึกได้ เป็นความรู้บังคับซึ่งทุกคนต้องทำได้ นี่คือความอัศจรรย์ วิทยากรทุกคนสอนได้ทั้งหมด แต่การจะเลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าสายทำหน้าที่บรรยาย จะต้องเก่งกว่าวิทยากรธรรมดา เรื่องนี้ข้าพเจ้าเป็นผู้พิจารณาเองแปลว่าทุกคนสร้างบารมีเป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าทุกคน โดยที่เขาไม่รู้ตัว เวลานี้จำนวนวิทยากรมากขึ้นทุกวัน ไปทำหน้าที่สอนตามโรงเรียน ตามแต่โรงเรียนใดจะเชิญ นักเรียนเป็นธรรมกายอย่างอัศจรรย์
หากท่านผู้ใดมีบุญจริง? เขาต้องได้พบข้าพเจ้า และเขาต้องได้เป็นวิทยากรวันยังค่ำ เว้นแต่เขาไม่มีวาสนาบารมีที่จะไปพบข้าพเจ้า เขาก็พลาดโอกาสทองที่จะได้สร้างบารมีพุทธภูมิในชาตินี้ ขอให้ผู้มีบารมีได้มีโอกาสพบข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้ารอเขาผู้นั้นอยู่แล้วข้าพเจ้าอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี แค่นี้เอง ขอให้เราได้มาพบกันเถิด แล้วทุกคนจะโชคดี
มีหลายท่านถามข้าพเจ้าว่า ทำไมวิทยากรของข้าพเจ้าสอนให้นักเรียนเป็นธรรมกายได้ผลเต็มร้อย? เหตุใดผลจึงปรากฏเป็นอัศจรรย์อย่างนั้น? หากข้าพเจ้าตอบเรื่องก็ยาวความออกไป เรามายุติกันว่า ขอให้ทุกคนได้พบข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะบอกวิธีให้ หากไม่ทำตามวิธีของข้าพเจ้าแล้ว ไม่ได้ผล! ต้องวิธีของข้าพเจ้าเท่านั้น เพราะข้าพเจ้ามีประสบการณ์ถวายความรู้แก่พระสงฆ์เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี จึงนำความรู้และประสบการณ์นั้นมาสอนแก่พวกเรา เทคนิคและวิธีการมีอย่างไร? เรื่องมันยาวความ พบข้าพเจ้าดีกว่า แล้วข้าพเจ้าจะบรรยายความรู้และเทคนิควิธีให้ทราบ ทางที่ดีควรเข้ากองทัพวิทยากรของข้าพเจ้าแล้วให้นายแพทย์นิพนธ์ หลงประดิษฐ์ เป็นผู้ฝึกก่อนที่จะไปสอบกับข้าพเจ้า ท่านก็จะเป็นวิทยากรที่เก่ง พร้อมที่จะให้สังคมโลกพิสูจน์ความอัศจรรย์ได้ทุกเวลา หากท่านใดอยากพบความอัศจรรย์? ก็ต้องไปพบข้าพเจ้าและทำตามคำแนะนำของข้าพเจ้าแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ
อ่านเพิ่มเติมใน >>> หนังสือปราบมาร ภาค 5 หน้า 169