ตำรามีความสำคัญมาก อย่าเรียนแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
คำว่า “ภูมิปัญญาชาวบ้าน” เป็นคำที่ใช้ในยุคนี้ หมายถึง งานหัตถกรรม เป็นความสามารถพิเศษ เราทำงานนี้ขึ้นก็เลี้ยงตนเองได้ เช่น งานช่างฝีมือ งานทำอาหาร งานประดิษฐ์ต่าง ๆ เป็นต้น
ข้าพเจ้าเสนอแนะว่า เรียนวิชาธรรมกายให้ยึดมั่นตำรา หมั่นเปิดตำราทบทวนความรู้ว่าความรู้ยังแม่นตำราอยู่หรือไม่? หรือว่าผิดเพี้ยนไปอย่างไร? เหมือนวัฒนธรรมของพระสงฆ์ จะต้องลงฟังปาฏิโมกข์ในอุโบสถทุก ๑๕ วัน เป็นการทบทวนวินัยของพระสงฆ์ว่ายังครบถ้วนดีอยู่หรือ? ตามหลักการที่ว่า “เจ็ดวันเว้นดีดซ้อมดนตรี อักขระห้าวันหนี” หมายความว่า การดนตรีของเรานั้น ไม่ซ้อมเพียง ๗ วัน ความชำนาญจะเฝือไปหมด ความรู้ทางหนังสือก็เช่นกัน ไม่ได้ทบทวนเพียง๕ วันเท่านั้น เหมือนกับว่าตัวหนังสือหนีไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว ความรู้ทางหนังสือไม่เป็นเองแล้ว เนื่องจากเราไม่หมั่นทบทวน นั่นเอง
กล่าวถึงวิชาธรรมกาย อันเป็นศาสตร์ว่าด้วยการทำใจให้สว่างใส ตามความรู้ต่างๆ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านรวมไว้ให้นั้น มีทั้งหลักสูตรเบื้องต้น หลักสูตรระดับกลางและหลักสูตรระดับยาก นั่นคือ เบื้องต้นก็ได้แก่ หลักสูตร ๑๘ กาย ระดับกลางได้แก่หลักสูตรคู่มือสมภารและหลักสูตรมรรคผลพิสดาร หลักสูตรระดับยากได้แก่วิชาปราบมาร มีตำราให้ศึกษาเรียนรู้แล้ว เราเคยเปิดตำราอ่านทบทวนบ้างหรือไม่? ถ้าเรียนอย่างภูมิปัญญาชาวบ้าน เคยทำอยู่อย่างไรก็ทำอยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้าบอกได้เลยว่าไม่เป็นผลดี ให้เปลี่ยนวิธีใหม่ วิธีใหม่ก็คือ หมั่นเปิดตำราอ่านทวน เราทำเพี้ยนอยู่หรือเปล่า? หรือว่ายังแม่นตำราอยู่ เพื่อเราจะได้ปรับตัวให้ความรู้ถูกต้องเข้าไว้ เหมือนกับที่พระสงฆ์ ท่านลงฟังปาฏิโมกข์นั้นไม่มีการผ่อนผัน ต้องบังคับตัวเอง
เหตุใดที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนั้น ? ก็เพราะข้าพเจ้าทำวิชาปราบมารมาถึงขั้นนี้แล้ว ได้รู้ได้เห็น ไม่เดินวิชาเพียงวันเดียว ความรู้ของเราเพี้ยนทันที เฝือไปหมด ไม่ได้เรื่องไปหมด ใช้การไม่ได้ ต้องมาเรียนตั้งต้นกันใหม่ กว่าความรู้จะเข้าที่ดังเดิม ต้องใช้เวลาขัดเกลานาน
ท่านต้องเข้าใจว่า วิชาธรรมกายเป็นวิชาสำคัญที่มารเข้าพยายามล้มล้าง ถ้าวิชาธรรมกายดับไปไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ มารเขาจะทำงานเต็มมือ อธรรมก็จะชนะธรรม ความชั่วจะชนะความดี อกุศลชนะกุศล บาปชนะบุญ มรรคผลนิพพานจะล่มสลาย เพราะเราขาดสื่อแห่งการรู้เห็น กายธรรมคือสื่อแห่งการรู้เห็น ก็เมื่อมารดับวิชาเสียแล้ว เราจึงขาดสื่อแห่งการรู้เห็น วิธีที่มารจะทำลายวิชาได้ ก็คือ เขาสอดละเอียดมาที่ใจของเรา เอาดวงดำเข้าหุ้มเคลือบ เอาความมืดมัวมาเอิบอาบ เพื่อให้ใจของสัตว์โลกมืดบอด หากเราไม่หมั่นเดินวิชาให้ดวงธรรมใส แปลว่า มารจะเข้ายึดปกครองใจเรา หากใจเราขุ่นมัว หมายถึงว่าดวงธรรมขุ่นมัวแล้ว เราจะคิดทำชั่วทันที ย่อมหมายถึงว่า มารยึดธาตุธรรมเสียแล้ว โลกจะมืด โลกจะวุ่นวาย โลกจะเดือดร้อนด้วยประการต่างๆ ข้าพเจ้าจึงแนะนำให้หมั่นเปิดตำราทบทวนความรู้ ก็เพื่อไม่ให้มารยึดอำนาจปกครองใจเรานั่นเอง ไม่ว่าใคร ! ถ้าไม่มีความอายเสียอย่างเดียว ย่อมทำกรรมชั่วได้ทั้งนั้น ไม่เกรงกลัวต่อการทำบาป ไม่นึกละอายต่อการทำบาป นั่นคือ มารปกครองเต็มรูปแบบแล้ว
อ่านเพิ่มเติมใน >>> ปราบมาร ภาค 4 หน้า 22