ความรู้สำคัญของหลวงพ่อคืออะไร?
ท่านจำได้ไหม? เพราะเราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

      จงตอบคำถามดังนี้ โดยใช้ความรู้ที่หลวงพ่อท่านเคยสอนไว้ ตอบให้ชัดเจน เพราะเป็นความรู้สำคัญที่เราต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

ก. หลงตาย คืออะไร? จะตายโดยไม่ให้หลง หลวงพ่อสอนไว้อย่างไร? จงบรรยาย

ข. ทำบุญได้ใช้บุญเป็น คืออะไร? หลวงพ่อสอนไว้อย่างไร? จงอธิบาย

ค. เมื่อเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นแก่ใจ เช่น โลภ โกรธ อยากแก้แค้น ผิดหวังต่าง ๆ ท้อแท้ในชีวิต เป็นต้น หลวงพ่อสอนวิธีแก้ไว้อย่างไร? จงอธิบาย


ฺ     เฉลยแนวของคำตอบ ให้ท่านนำไปตรวจสอบกับความรู้ที่ท่านตอบ ว่าตรงกับเฉลยหรือไม่?

      ก. หลงตาย คือการตายขณะที่ใจของเราหลง นึกอะไรไม่ได้ นึกถึงบุญไม่ได้ นึกถึงความดีที่เราทำไม่ได้ นึกได้แต่สิ่งไม่ดีทั้งปวงที่ตนเคยทำตลอดเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ในโลก นึกได้แต่บาปกรรมที่ตนเคยทำ แล้วดวงบาปคือดวงดำ ก็มาหุ้มเคลือบใจของเราทันที ส่งผลให้เราไปสู่ทุคติภูมิอย่างทันใด ทุคติภูมิคือภพภูมิที่ให้ทุกข์แก่เรา เราตกนรกเสียแล้ว การที่ใจนึกถึงดวงบุญไม่ได้ เรียกว่า หลง แต่เป็นการหลงในเวลาที่เราจะตาย จึงเรียกว่า หลงตาย คือตายไม่เป็น เรียกการตายไม่เป็นว่า “หลงตาย”

      หลวงพ่อสอนว่า เวลาจะตายต้องไม่หลง ต้องตั้งสติให้มั่นคง โดยให้นึกถึงแต่บุญกุศลทั้งปวงที่เราเคยทำ ให้นึกถึงแต่บุญกุศลสถานเดียว อย่านึกถึงบาปกรรมเป็นอันขาด หากใจยังนึกถึงบาปกรรมอยู่ ก็ขอให้กำหนดสติกลับมานึกถึงบุญอย่างทันใด และภาวนาในใจว่า สัมมาอะระหัง ๆๆๆ เรื่อยไป สำหรับท่านที่กำหนดดวงปฐมมรรคได้แล้ว ต้องว่าได้เปรียบมาก ส่งใจนิ่งกลางดวงปฐมมรรคนั้น แล้วส่งใจนิ่งลงไปที่ดวงบุญของเราให้เป็นดวงใส นึกให้ดวงบุญช่วยให้เราไปสู่สุคติ แล้วดวงบุญก็นำไปสู่สวรรค์อย่างทันใด สำหรับท่านที่เห็นกายธรรมแล้ว ไม่ยากอะไร? ให้ส่งใจนิ่งกลางดวงธรรมในท้องของกายธรรม ท่องใจ หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง ใสในใส ๆๆๆๆๆๆ อธิษฐานใจต่อกายธรรม ขอให้เราไปสู่สุคติภูมิ

      โปรดจำไว้ว่า ขณะที่ใจเราจะขาดจากร่างนั้น ใจของเราประหวัดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นก็ส่งผล นึกถึงบุญแล้ว ดวงบุญก็ส่งผล หากนึกถึงบาปกรรมแล้วดวงบาปก็ส่งผล ท่านจึงสอนให้เรานึกถึงแต่บุญไว้เสมอ ดังนั้น ก่อนที่คนโบราณจะตาย ญาติมิตรของเขาจะบอกทางสวรรค์ให้ช่วงนั้นและเวลานั้นไม่มีการรักษาเยียวยาแล้ว ไม่มีการจับเนื้อต้องตัวคนช่วยแล้ว เพราะรู้ว่าคนป่วยต้องตายแน่แล้ว เขาจะบอกให้เรานึกถึงพระพุทธเจ้า เขาจะบอกให้เราภาวนาใจว่า สัมมาอะระหัง ๆๆๆ จนกว่าคนป่วยจะตายอย่างสนิท หากไปถูกเนื้อต้องตัวคนป่วยในระหว่างนั้น หรือร้องไห้เสียใจกันในระหว่างนั้น จะทำให้ใจของคนป่วยเคลื่อนจากสติ ส่งผลให้ใจของคนป่วยเสียจังหวะที่จะทำใจให้เกิดสติ ดังนั้น เขาจึงห้ามถูกเนื้อต้องตัว ห้ามส่งเสียงร้องไห้ ระงับการรักษาเยียวยาใด ๆ ให้โอกาสคนป่วยทำใจเตรียมตาย นั่นเอง

      ข. ทำบุญได้ใช้บุญเป็น คือการที่พวกเรารักษาศีล ทำบุญให้ทาน และเจริญภาวนานั่นคือการทำบุญได้ ดวงบุญก็เกิดที่ดวงปฐมมรรคทันใด มีลักษณะเป็นดวงขาวใส แต่ยังใช้บุญไม่เป็น หลวงพ่อท่านอธิบายว่า ทำบุญได้จริงแต่ใช้บุญไม่เป็น อย่างไรจึงเรียกว่า “ใช้บุญเป็น”? การใช้บุญเป็นนั้น ท่านสอนให้เอาใจของเราจรดนิ่งกลางดวงปฐมมรรคนั้น ก็ถูกดวงบุญซึ่งซ้อนอยู่ในดวงปฐมมรรคนั้น เราปรารภถึงดวงบุญ ดวงบุญก็ปรากฏให้เห็น นึกถึงอะไรสิ่งนั้นก็ปรากฏ โปรดจำไว้ว่า ไม่ว่าอะไรอยู่ในดวงปฐมมรรคทั้งนั้น ให้ส่งใจมั่นคงลงดวงบุญนั้นบริกรรมใจหยุดในหยุด ๆๆนิ่งในนิ่ง ๆๆ ใสในใส ๆๆ อธิษฐานใจขอให้ดวงบุญส่งผลให้เรามีความเจริญไพศาล รับราชการก็ขอให้เจริญในราชการ ทำการค้าก็ขอให้ร่ำรวย กรณีที่ใจจรดกลางดวงบุญ แล้วอธิษฐานขอให้เราประสบความสำเร็จ เรียกว่า “ใช้บุญเป็น” ต้องฝึกทำทุกวันให้ชำนาญ

      อย่างไรจึงเรียกว่า “ทำบุญได้แต่ใช้บุญไม่เป็น”? ทำบุญได้ ท่านเข้าใจแล้ว คราวนี้มาถึงเรื่องใช้บุญไม่เป็น เมื่อทำบุญได้แล้ว ไม่เอาใจจรดนิ่งกลางดวงบุญและไม่อธิษฐานให้ดวงบุญช่วย แต่เอาใจไปจรดเรื่องอื่น เช่น เอาใจไปอยู่กับต้นไม้ การงาน เรื่องราวประจำวันขี้วัวขี้ควาย ฯลฯ ลักษณะใจเช่นนี้ ท่านบอกว่าเป็นการใช้บุญไม่เป็น ดวงบุญมีอยู่แล้ว เหตุใดไม่เอาใจไปสัมผัส? เหตุใดไม่อธิษฐานขอความสำเร็จจากดวงบุญของเรา? แล้วจะทำบุญกันทำไม?

      ค. เกิดอารมณ์ไม่ดีทางใจทั้งปวง เช่น โลภ โกรธ หลง กิเลสต่าง ๆ จะแก้อย่างไร? เป็นความรู้สำคัญมากที่หลวงพ่อท่านสอน อารมณ์มดีเกิดแก่ใจลักษณะต่าง ๆ เช่น โลภ โกรธ หลง หมดหวัง ซึมเศร้า อยากทำร้ายตัวเอง หมดอาลัยตายอยาก อยากแก้แค้นอยากฆ่า สารพัดอารมณ์ที่จะเกิดแก่ใจเรา นั่นคือเรื่องของมารที่เขาเข้ามาแทรกซ้อนในใจของเรา มารเขาทำวิชาปกครองมาบังคับมนุษย์ ให้มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดด้วยเรื่องทั้งปวงนี้ หลวงพ่อสอนว่า ให้ทำใจหยุดทำใจนิ่งกลางดวงปฐมมรรคอย่างทันใด บริกรรมใจหยุดในหยุดนิ่งในนิ่ง ใสในใส ๆๆๆ พอใจสงบ ใจจะนิ่งไม่ส่าย ส่งผลให้ดวงธรรมเราใสยิ่งขึ้นสว่างยิ่งขึ้น ส่งผลให้อารมณ์ไม่ดีทั้งปวงนั้นจะหายไปจากใจ จงหมั่นฝึกหมั่นทำ ทำให้ชำนาญ

      ความรู้เรื่องนี้ เราสามารถช่วยสังคมได้ ไม่ให้ฆ่าตัวตาย ไม่ให้ปล้นฆ่ากัน ไม่ให้ติดยาเสพติด ก็คือการฝึกใจตามคำสอนข้อ ๓ ที่ว่า สจิตฺตปริโยทปนํ แปลว่า การทำใจให้สว่างใสตามแนววิชาธรรมกายที่หลวงพ่อท่านสอนนั้น ถูกต้องแล้ว กองทัพวิทยากรของข้าพเจ้ากำลังรณรงค์สอนกันอยู่ตามโรงเรียนต่าง ๆ นี่คือการพิสูจน์ว่าเราช่วยสังคมได้จริง เมื่อใจมนุษย์ใสขึ้นแล้ว ส่งผลให้ดีทั้งนั้น เป็นสุขทั้งนั้น และหากสภาพใจไม่ใสเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ไม่ดีทั้งนั้น ปัญหาของสังคมที่วุ่นวายกันนี้ เกิดจากมนุษย์ที่ใจไม่ใสทั้งนั้น เมื่อสภาพใจไม่ใสเสียแล้วปัญหาร้อยแปดเกิดขึ้นทันที ดังที่เราได้พบเห็นกันอยู่ในสังคมบ้านเรานี้ ความไม่ใสคือกิเลสละเอียดที่มากำกับใจสัตว์โลก ทำหน้าที่บังคับให้อยู่ในปกครองของเขา ความไม่ใสคือความขุ่นความไม่ใสคือความมัว ไม่ใสมากขึ้นก็เป็นดวงดำ ความไม่ใสทั้งปวงนี้ เป็นธาตุธรรมละเอียดของมารเขา เขาทำหน้าที่ปกครองใจสัตว์โลก ให้สัตว์โลกอยู่ในปกครองของเขา ส่งผลให้สัตว์โลก

     เดือดร้อนกันทั่ว ดังนั้น มนุษย์จึงเดือดร้อน ด้วยอานุภาพของดวงขุ่น ดวงมัว ดวงดำ ที่บังคับใจนั้น แต่มนุษย์ที่รู้คำสอนของพระพุทธเจ้าที่พระองค์สอนว่า สจิตฺตปริโยทปนํ แปลว่า การทำใจให้ใส มนุษย์ใดทำใจให้ใสได้ ตามคำสอนของพระพุทธองค์? ส่งผลให้ดวงขุ่น ดวงมัว ดวงดำหมดไปจากใจได้ เขาผู้นั้นก็รอดพ้นจากการปกครองของมารได้ เพราะเขามีสภาพใจที่ใสเสียแล้ว สภาพแห่งใจที่ใสสว่างนั้น ยาเสพติดเข้ามาไม่ได้ เพราะสภาพใจที่สว่างใสมีหิริโอตตัปปะเสียแล้ว มีความสะดุ้งหวาดกลัวต่อบาปเสียแล้ว เขารู้ว่าสถานเริงรมย์เป็นอบายมุข เขาไม่เข้าไปแตะต้อง เขาไม่เข้าไปสัมผัส ในทางกลับกัน หากสภาพใจไม่ใสเนื่องจากไม่ฝึกใจตามคำสอนของพระพุทธองค์เสียแล้ว สภาพใจก็ขุ่น สภาพใจก็มัว เป็นสภาพใจที่กิเลสบังคับ กิเลสก็บังคับใจคนของเราเสียหายได้ทั้งนั้น เขาเห็นผิดเป็นชอบ เขาเห็นว่ายาเสพติดกล่อมอารมณ์เขาให้เป็นสุข เขาเห็นว่าสถานเริงรมย์เป็นที่เสพสุขของวัยรุ่น ดังที่เราได้เห็นกันแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจึงตั้งกองทัพวิทยากรของข้าพเจ้าไปสอนทั่วประเทศ เพื่อให้คนของเรามีสภาพใจให้ใสสว่างให้จงได้ เป็นการฉุดสังคมไทยให้กลับคืนสภาพเดิม อย่าให้คนของเราต้องเสียหายไปกว่านี้เลย นี่คืองานของข้าพเจ้า จึงขอเชิญชวนท่านทั้งหลายไปร่วมมือกับข้าพเจ้าเถิด ร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้ทีเดียว อย่าเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้เลย เพราะสังคมบ้านเราพลาดไปมากแล้ว เกิดปัญหามากแล้ว เราจะแก้กันอย่างไร? เริ่มตั้งแต่เด็กของเราติดยาเสพติด เด็กของเรามีค่านิยมหัดร่วมประเวณีตั้งแต่อายุยังเด็ก เห็นว่าเป็นของดีเป็นความโก้เก๋ วัยรุ่นของเราไม่เพลินอยู่กับการเรียนแต่ไปเพลินอยู่ในสถานเริงรมย์ ปล่อยตัวมั่วโลกีย์โดยไม่มีความละอายแก่ใจภาพข่าวเหล่านี้เราพบได้ตามโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ เกือบทุกวัน พวกเราดูข่าวแล้วสลดใจเด็กของเราเป็นอย่างนี้ไปเสียแล้ว เด็กผู้ชายส่วนหนึ่งอยู่ในวัยเรียน แต่กลับไม่ได้เรียน เพราะต้องเข้าไปอยู่ในสถานพินิจของทางราชการ อะไรจะเกิดขึ้นแก่ชาติบ้านเมือง? นี่คือคำถาม

      ข้าพเจ้าไม่คิดอย่างอื่นเลย คิดแต่ว่าถ้าเราสามารถฝึกสภาพใจเด็กของเรา ให้ใจของเขาเกิดความสว่างใสตามคำสอนของพระบรมศาสดาข้อ ๓ ที่ว่า สจิตฺตปริโยทปนํ ได้ เด็กของเราจะไม่มีปัญหาเช่นที่กล่าวนั้นเป็นอันขาด ข้าพเจ้าจึงฝึกกองทัพวิทยากรขึ้นมา เพื่อให้ไปสอนตามโรงเรียนและตามวิทยาลัย โดยมีนายแพทย์นิพนธ์ หลงประดิษฐ์ (ร.พ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ต.แม่กลอง อ.แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ๗๕๐๐๐) เป็นหัวหน้าวิทยากรทำหน้าที่ฝึกวิทยากรและพาวิทยากรเข้าสอนตามโรงเรียนและตามวิทยาลัยต่าง ๆ หากโรงเรียนและวิทยาลัยเชิญ ท่านก็พาคณะวิทยากรของท่านจำนวนมากไปสอนให้ สอนเสร็จคณะวิทยากรก็กลับ เราทำเป็นวิทยาทาน ไม่มีการเรี่ยไรเงิน ไม่มีเรื่องการเงินมาเกี่ยวข้อง เป็นการสร้างทางบุญของพวกเรา พวกเราต่างมีอุดมการณ์ตรงกันเรื่องนี้ ทุกอย่างเป็นธรรมทานทั้งนั้น

      กล่าวถึงผลการสอนของคณะคุณหมอนิพนธ์ ปรากฏว่า นักเรียนเห็นธรรมเป็นอัศจรรย์ ที่ว่าเป็นอัศจรรย์ก็คือเห็นธรรมเต็มร้อยนั่นเอง นักเรียนเห็นธรรมกันมากมาย เป็นที่พอใจของนักเรียนและเป็นที่พอใจของครูอาจารย์ เพราะครูอาจารย์มาสังเกตดูการสอนโดยใกล้ชิด ทำหน้าที่ประเมินผลการสอนการเรียน เวลานี้วิทยากรของพวกเราไม่พอบริการแก่สังคมที่ขอไป ไม่ว่าที่ใดก็เชิญพวกเราไปสอน เพราะการสอนของเราเป็นที่ประทับใจของสถานศึกษา

      ดังนั้น จึงบอกข่าวมายังท่านที่มีบารมีธรรม หากจะสร้างบารมีแล้ว จงมาร่วมกับกองทัพธรรมของข้าพเจ้าเถิด จงมาร่วมกันตั้งแต่วันนี้ รีบติดต่อกับคุณหมอนิพนธ์เพื่อให้ท่านฝึกวิชาหน้าที่วิทยากร ท่องวิชาตามที่คุณหมอแนะนำ เมื่อท่านใดจำวิชาได้แล้ว คุณหมอจะนัดไปสอบกับข้าพเจ้าเป็นรุ่น ๆ ไป ท่านที่ผ่านการทดสอบแล้ว ก็เข้าทีมงานสอนกับคุณหมอนิพนธ์ต่อไป นี่คือเส้นทางการสร้างบารมีของท่าน อยู่บ้านเอาแต่คิดจะรวย เอาแต่จะไปเมืองนอก ข้าพเจ้าเห็นว่ารวยอย่างนั้นไม่สนุก ถึงจะไปเมืองนอก ก็สนุกเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้ามาสอนให้นักเรียนเห็นธรรมตามวิธีของข้าพเจ้า ท่านจะดีใจและชุ่มใจทุกคืนวัน ดีใจกว่าการมีเงิน ดีใจกว่าไปเที่ยวเมืองฝรั่ง เพราะอารมณ์แห่งความปลื้มใจมันจับใจ นั่นเอง

      ท่านทราบข่าวแล้ว โปรดบอกเพื่อนของท่านด้วย ขอให้ไปร่วมกองทัพธรรมกับข้าพเจ้าเถิด ท่านที่เข้าเป็นกองทัพวิทยากรของข้าพเจ้าได้แล้ว ท่านก็ทำหน้าที่สอนไปกับหมอนิพนธ์ หลงประดิษฐ์ เมื่อทำงานบริการโรงเรียนไปได้ระยะหนึ่ง ท่านไปขอบคุณต่อข้าพเจ้าข้าพเจ้าถามว่ามีธุระอะไรที่ข้าพเจ้าหรือ? ท่านต่างกล่าวตรงกันว่า ตั้งแต่มาพบคุณลุง คุณลุงให้หนูฝึกเป็นวิทยากร แล้วหนูก็ไปสอนตามโรงเรียน นักเรียนเขาทำได้ หนูปลื้มใจในความสามารถของหนู ที่หนูทำให้นักเรียนเห็นธรรมได้ ตามวิธีการที่คุณลุงได้สอนนั้น หนูเห็นว่าตัวของหนูมีประโยชน์ หนูเห็นว่าตัวของหนูมีคุณค่า หากหนูไม่มาพบคุณลุง หนูจะไม่มีคุณค่าอะไรเลย หนูมาวันนี้ก็เพื่อมาขอบคุณต่อคุณลุงที่ชุบตัวของหนูให้มีค่ามีราคาขึ้นมา คำพูดขอบคุณที่ท่านทั้งหลายกล่าวต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินทุกวัน เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าจะต้องฝึกให้ทุกคนเก่งวิชาธรรมกายยิ่งกว่าข้าพเจ้า ทุกคนต้องเก่งกว่าข้าพเจ้า ตอนนี้ท่านยังไม่เก่ง ข้าพเจ้าก็ต้องเก่งไปก่อน ความรู้ทุกอย่างต้องสอนกันได้ ต้องเรียนกันได้ ข้าพเจ้ามีตำราให้ทุกหลักสูตรท่านไม่ไปหาข้าพเจ้า ท่านก็โชคไม่ดี เพราะท่านไม่พบผู้รู้ ท่านไม่พบบัณฑิต แล้วท่านจะเก่งได้อย่างไร? ท่านแปลกใจว่า เหตุใดข้าพเจ้าทำตำราได้หมดทุกหลักสูตร? ไม่ว่าจะเป็นวิชาธรรมกายหลักสูตรใด? ข้าพเจ้าเขียนตำราให้ได้ทั้งนั้น ตำราเป็นพยานของความรู้ เป็นตัวหนังสือที่เราค้นคว้าได้ ทุกท่านมีสิทธิ์ค้นคว้า ทุกท่านมีสิทธิ์อ่าน เหตุใดข้าพเจ้าเขียนตำราทุกหลักสูตร? แม้ถึงวันนี้ข้าพเจ้าก็ยังตอบไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าก็ทำได้ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นวิชาธรรมกายหลักสูตรใด? เมื่อท่านทั้งหลายถามไป ข้าพเจ้าก็ต้องตอบ ตอบได้ทุกคำถาม ข้าพเจ้าก็แปลกใจว่า เหตุใดข้าพเจ้าตอบคำถามไปได้? นอกจากจะอธิบายวิชาธรรมกายทุกหลักสูตรแล้ว ยังตอบคำถามปุจฉาวิสัชนาธรรมกายประจำเดือน ให้คณะวิทยากรที่ถามประจำเดือนได้อีกด้วย บัดนี้คำถามและคำตอบไม่รู้ว่ากี่ร้อยข้อแล้ว? เป็นตำราเล่มงามแจกเพื่อนวิทยากรได้ทุกเดือน หากนำความรู้ทั้งปวงที่ข้าพเจ้าตอบมารวมเป็นเล่มเดียว จะได้ตำราสำคัญเล่มใหญ่ เป็นความรู้ที่ใครตอบไม่ได้? หากท่านได้อ่านให้ทั่ว ท่านจะทราบว่า วิชาธรรมกายนั้นยากมาก ยากที่จะเข้าใจ ยากที่จะเรียนรู้ แต่ข้าพเจ้าก็ตอบให้ท่านได้ทราบทั่วกันแล้ว นี่คือความอัศจรรย์

      ท่านใดอยากทราบว่าความอัศจรรย์คืออย่างไร? เรื่องนี้ไม่ยาก ขอให้ท่านได้พบกับคณะวิทยากรของข้าพเจ้า แล้วท่านจะได้พบข้าพเจ้า และต่อจากนั้นไม่นานเกินรอ ทุกท่านจะได้พบความอัศจรรย์เอง ต้องได้พบแน่ ๆ

      ทุกท่านที่เข้ากองทัพวิทยากร ได้พบความอัศจรรย์ทุกคน ทุกคนปลื้มใจ ทุกคนดีใจและเขาก็กล่าวว่าเขาเสียใจที่มาพบข้าพเจ้าช้าไป ไปหลงอะไรอยู่ก็ไม่รู้? กว่าจะพบข้าพเจ้าได้ก็เกือบสาย แต่ยังมีบุญอยู่บ้าง จึงได้พบข้าพเจ้า คำกล่าวเช่นนั้น ข้าพเจ้าได้ยินทุกวัน บางท่านปรารภให้ทราบว่า การเดินทางไปหาข้าพเจ้านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ท่านเล่าว่าเตรียมการเป็นปีตั้งใจจะไปพบข้าพเจ้าให้จงได้ ครั้นจะเดินทางเข้าจริง ทำไมมีปัญหาร้อยแปดเข้ามา? ในที่สุดก็ไปพบข้าพเจ้าไม่ได้ เหตุใดจึงมีปัญหามาขัดขวางอยู่เรื่อย? ครั้นไปทำงานอื่นหรือจะไปธุระอะไรที่ใด? ไม่เห็นมีปัญหาอะไร? เหตุใดจึงไปพบข้าพเจ้ายากนัก? นี่คือปัญหาที่เขาถามข้าพเจ้าข้าพเจ้าตอบเขาไปอย่างไร?

      ข้าพเจ้าตอบเขาไปว่า การไปพบข้าพเจ้าเป็นเรื่องยากจริงตามที่ใคร ๆ กล่าวนั้นเพราะมารเขาขัดขวาง การไปหาข้าพเจ้านั้น หมายถึงว่า เป็นการได้บารมีใหญ่ เป็นอานิสงส์ใหญ่ มารเขาต้องขัดขวาง เพราะมารไม่ต้องการให้ใครได้บารมี แต่หลายท่านก็ไปพบข้าพเจ้าได้ นั่นเป็นเพราะบารมีแต่ปางหลังของเขาผู้นั้น มารพยายามขัดขวางเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดเขาไปพบข้าพเจ้าได้ และเขาก็ได้เป็นวิทยากร พอเขาเป็นวิทยากรแล้ว งานสร้างบารมีของเขาเกิดขึ้นทันที เขาสอนนักเรียนได้มาก นี่คือบารมีสำคัญของเขา แล้วเขาก็ขอบคุณต่อข้าพเจ้า ดังที่ข้าพเจ้าเล่าให้ฟังแล้วนั้น

      จงตั้งใจให้มั่นคง แล้วทุกท่านจะต้องได้พบข้าพเจ้า ได้พบแน่นอน ได้สร้างบารมีแน่นอน อธิษฐานบารมีให้ดี แล้วต้องได้พบข้าพเจ้าแน่นอน


อ่านเพิ่มเติมใน >>> ปราบมาร 5 หน้า 173