คนโบราณกล่าวไว้ว่า “คนขึ้นสวรรค์เท่ากับเขาโค
แต่คนตกนรกเท่ากับขนโค” นั้นเป็นความจริง
ยังจดจำภาพได้ติดตา ถึงการระลึกถึงญาติของข้าพเจ้าที่ตายไปแล้ว ไม่ว่าจะนึกถึงใคร? พอตรวจไปแล้วก็พบว่า เขาผู้นั้นตกนรกเสียแล้ว แต่การค้นพบนั้น ต้องใช้เวลานานพอสมควร ส่วนใหญ่ก็พบในนรก ๘ ขุม ถ้าดื่มเหล้าก็ต้องไปดูที่ขุม ๓ เป็นอันว่าไม่พลาด คนดีที่ใจบุญสุนทาน ไม่คิดว่าจะตกนรก แต่ท่านก็ตกไปแล้ว สืบมาสืบไป ก็บาปกรรมเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าที่จะตกนรกเลย ถ้าเป็นโจรร้าย เราไม่ว่า ปล้นจี้ฆ่าแกง เราไม่ว่า แม้ช้อนกุ้งตกปลา ซึ่งเป็นงานปกติของชาวชนบท ก็ตกนรกกับเขาด้วย ทำให้นึกถึงคำกล่าวของคนโบราณว่า “คนขึ้นสวรรค์เท่ากับเขาวัว (วัวมีเขา ๒ เขา) คนตกนรกเท่ากับขนวัว วัวตัวหนึ่งมีขนทั่วตัวนับไม่ถ้วน” คำกล่าวนั้นเป็นความจริง ไม่ว่าเราจะนึกถึงญาติท่านใด? ตรวจดูแล้วก็พบว่าตกนรก
เราสงสารเขาอย่างมาก เพราะตกนรกโดยไม่มีเหตุอันควร บาปกรรมเพียงนิดหน่อยก็ตกนรกเสียแล้ว กว่าจะได้ผุดได้เกิดแต่ละคราว ไม่ง่ายเลย! เพราะต้องเสียเวลาในการไปอยู่ในอบายภูมิเช่นนั้น และโบราณท่านยังกล่าวต่อไปอีก “แผ่นดินพูดไม่ได้ เราก็ไม่ได้เกิด” เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เราที่เป็นมนุษย์จึงต้องทุกข์ร้อนกันทั้งโลก ทุกข์ร้อนกันทั้งที่มีชีวิตอยู่และเมื่อตายไปแล้ว ขณะที่มีชีวิตอยู่ เราทุกข์ร้อนไม่เท่าไร? แต่หลังจากตายไปแล้ว มันทุกข์แบบสาหัสร้อยเท่าพันทวี
ใครก็ไปช่วยเราไม่ได้ทั้งนั้น? เราคงทุกข์ร้อนอยู่อย่างนั้น คนที่จะมีความรู้ไปช่วยเราในยามที่เราตกนรกนั้น ยังไม่มีใครทำได้ในโลกนี้ ไม่มีผู้วิเศษคนใดทำได้ จนปัญญาด้วยประการทั้งปวง
แต่บังเอิญข้าพเจ้าเรียนวิชาธรรมกายมาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ และวิถีทางของชีวิตข้าพเจ้ามีบทบาทต้องมาทำวิชาปราบมาร จึงได้มารู้เห็นเรื่องของทุคติภูมิ คือได้รู้เห็นนรก อเวจี โลกันต์ ได้รู้เห็นเรื่องสวรรค์ จนถึงขั้นช่วยเหลือพวกเราได้ นี่คืออานิสงส์ของการทำวิชาปราบมาร
ยังอยู่ในความทรงจำจนถึงทุกวันนี้ เห็นผลงานตั้งแต่รุ่นหนังสือ “ปราบมารภาค ๑” พอช่วยญาติมิตรให้พ้นไปจากนรกได้แล้ว เกิดความสบายใจ เกิดความโปร่งใจ เพราะบางท่านมีคุณต่อเรา ยังจำได้ว่าเกิดสภาพใจเหิมเกริมขึ้นมา เมื่อเราช่วยญาติมิตรได้ เราก็ต้องช่วยผู้มีคุณต่อแผ่นดินได้ ระลึกถึงนักรบของไทยและระลึกถึงผู้มีคุณต่อแผ่นดิน ที่รักษาบ้านเมืองให้เราได้อยู่อาศัยจนทุกวันนี้
คิดในใจเท่านั้น แต่ยังไม่ทำอะไร? ต้องหาความรู้ก่อน ความรู้นั้นคืออะไร? จะเล่าให้ฟังดังนี้
ได้ทูลถาม “ต้นใหญ่” ว่าเรื่องอบายภูมิ มีความเป็นมาอย่างไร?
หากท่านได้หนังสือปราบมารภาค ๑ ท่านคงจำได้ ข้าพเจ้าได้กราบทูลถาม “ต้นใหญ่” ว่า “ขอพระองค์ได้ทรงโปรด เรื่องของทุคติภูมินั้น ตั้งแต่ครั้งที่พระองค์ได้ไปตรัสรู้เป็นสัพพัญญูในโลกนั้น ทุคติภูมิมีอยู่อย่างไร? มีใครไปแตะต้องบ้างหรือไม่?”
นี่คือคำถาม ที่เรากราบทูลถามไป
ทรงตอบว่า “ตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว ทุคติภูมิก็มีอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครไปแตะต้อง แต่เห็นหลวงพ่อท่านคิดอยู่ ยังไม่ทันได้ทำอะไร? หลวงพ่อก็มรณภาพไปก่อน”
อ่านเพิ่มเติมใน>>> ปราบมาร 5 หน้า 71