ท่านเรียนมาถึงบทฝึกนี้แล้ว
จงบรรยายภาพรวมออกมาโดยให้โยงความรู้
ไปถึงบทเรียนต่างๆ ตามที่ท่านเห็นสมควร
ไม่ใช่สรุปความรู้ แต่ให้พูดภาพรวมออกมา
เราควรเริ่มจากกำเนิดเดิมก่อน ว่าเมื่อเกิดกำเนิดธาตุธรรม เดิมขึ้นแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง การเกิดนั้นเกิดอย่างไร นี่คือประเด็น
กำเนิดเดิมเกิดจากอะไร ?
เกิดจากผลรวมของบุญและบาปของเรา (กุศลและอกุศล) ย่อแล้วเป็นจุดเล็กใสเท่าปลายเข็ม
กำเนิดเดิมเปรียบได้กับอะไร ?
เป็นนครใหญ่เป็นเมืองใหญ่ ไม่ว่าอะไรก็อยู่ในนั้น
เมื่อเกิดกำเนิดเดิมแล้ว มีอะไรเกิดตามมา ?
ขันธ์ ๕ เกิดขึ้นทันที ขันธ์ ๕ คือกายกับใจ กายรองรับใจ กายเป็นที่อยู่ของใจ
เจ้าของกำเนิดเดิมคือใคร ?
คือใจ ใจทำหน้าที่ปกครองกำเนิดเดิม
ใจทำหน้าที่อะไร ?
ใจทำหน้าที่ เห็น จำ คิด รู้
สื่อที่ทำให้ใจทำหน้าที่ เห็น จำ คิด รู้ คืออะไร ?
สื่อคืออายตนะ ได้แก่ อายตนะภายนอกและอายตนะ ภายใน โดยมีผัสสะ ทำหน้าที่กระทบระหว่างอายตนะภายในกับ อายตนะภายนอก แล้วส่งผลไปให้วิญญาณของอายตนะภายในทราบ สุดท้ายใจก็ทราบ เมื่อทราบแล้ว ส่งผลไปถึงใจละเอียดต่อไป ใจ ละเอียดคืออินทรีย์ ๒๒
เครื่องมือสื่อสารของใจมีอะไรเจือปน ?
ทั้งอายตนะ ทั้งธาตุ วิญญาณ ใจละเอียด (อินทรีย์) มี กิเลสเจือปนทั้งนั้น
กิเลสมาจากไหน ?
กิเลสมีที่มา ๒ สถาน สถานแรกมากับกำเนิดเดิม ที่ว่า มากับกำเนิดเดิมก็คือ เมื่อเราทำบาป บาปเขาก็สร้างทุกข์และสมุทัยให้ แล้วทุกข์กับสมุทัยก็แจกแจงเป็นกิเลสอย่างอื่นต่อไป กิเลสจะไปตั้งถิ่นฐานที่อยู่อย่างไร ก็แล้วแต่บาปเขาจะทำ
กิเลสที่มาในสถานที่สองก็คือ มาจากเหตุปัจจุบัน เมื่ออายตนะภายนอกรับกิเลสมาส่งให้แก่อายตนะภายในกิเลสนั้นๆ ก็ไปเพิ่มเติมให้แก่กิเลสเดิมเข้าไปอีก
กุศลมาจากไหน ?
กุศลมาจากที่ ๒ สถาน เหมือนกิเลสเหมือนกัน คือมา จากกำเนิดเดิม และมาจากเหตุปัจจุบัน เมื่อเราประกอบกุศล กุศล ก็สร้างนิโรธและมรรคให้ นิโรธและมรรคก็เจือไปในที่ต่างๆ แต่ที่ใดมีใจ ที่นั้นมีนิโรธและมรรค กิเลสมักจะมาหุ้มอยู่ที่นั่นเสมอ รูป การณ์ที่กิเลสเขามาอยู่ เขามักมาในแบบผู้ปกครอง คือมาหุ้มดวง กุศลเสมอไป กิริยาเช่นนี้บ่งบอกว่า ฤทธิ์ของกุศลสู้ฤทธิ์ของบาปไม่ได้
ที่ใดมีใจที่นั่นมีขันธ์ ๕
ขันธ์ ๕ คือตัวทุกข์และตัวสมุทัย เราแก้ทุกข์และสมุทัยไม่ สำเร็จ การที่เราแก้ไม่สำเร็จ ทำให้เราเข้านิพพานเป็นไม่ได้เข้านิพพานได้แต่ธรรมกายเท่านั้น กายธรรมเมื่ออยู่ในนิพพานไม่มีฤทธิ์เดชเท่ากายมนุษย์ นี่คือความเสียหายใหญ่หลวง ข้าพเจ้าจะนำไปกล่าวในหนังสือปราบมารภาค ๓
ที่เราเรียนกันมากมาย ก็คือเรื่องแก้วิชาของกิเลส พูดอย่างหลวงพ่อท่านก็ว่า เราแก้วิชามาร เรายังแก้ไม่ตก ขณะนี้ เราเรียนวิชาซ้อนกาย ก็เพื่อให้มีรู้มีญาณทัสสนะมองให้เห็นกิเลสที่ เขากระทำต่อเรา เมื่อเห็นแล้ว เราจะได้คิดแก้ไข
กิเลสมารุมเราที่ตรงไหน ?
กิเลสมารุมเราตรงที่ใจ มีใจที่ไหน กิเลสรุมเราที่นั่น หาก พูดอย่างวิชาธรรมกาย ก็ว่ากิเลสรุมเราที่ เห็น จำ คิด รู้ ไม่ใช่ที่ เห็น จำ คิด รู้ เท่านั้น สื่อของ เห็น จำ คิด รู้ ไม่ว่าอะไร กิเลสยึดพื้นที่ปกครองทั้งนั้น
ใครเป็นผู้เห็นว่ากิเลสรุมเราที่ใจ ?
พระบรมศาสดาเป็นผู้เห็น ทรงเห็นโดยรู้ญาณของกาย ธรรมของพระองค์ รู้ญาณอย่างเราเห็นไม่ได้ เมื่อทรงเห็นแล้ว ก็มาสอนให้เราแก้ ตามความรู้ต่างๆที่เรียนมานี้
เราเข้านิพพานได้แต่กายธรรมเกิดผลดีผลร้ายอย่างไร ?
เราเรียนมาแล้วในบทที่ ๒๑ เรื่องวิธีฟังพระพุทธเจ้าตรัส เทศนาในนิพพาน เราพอทราบว่า กายธรรมเมื่ออยู่ในนิพพานนั้น ไม่มีฤทธิ์เดช ก็แปลว่า ตกเป็นรองธรรมภาคมาร นี่คือปัญหาใหญ่ เอาไปพูดกันในหนังสือปราบมารภาค ๓ ก็แล้วกัน เรื่องมันยาว ได้ แต่บอกพวกเราว่า ตั้งใจเรียนวิชชามรรคผลพิสดารให้ดี เพราะเรา จะต้องนำไปใช้ปราบมาร
อ่านเพิ่มเติมในไฟล์หนังสือวิชชามรรคผลพิสดาร 1 หน้า 301