ตำราปราบมารเกิดขึ้นแล้วในโลกของเรา
เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกของโลก
เป็นหลักฐานที่ผู้เป็นบัณฑิตจะได้ตรวจสอบ เป็นข้อมูลที่ผู้เป็นบัณฑิตจะได้พิจารณาเป็นเอกสารที่ผู้เป็นบัณฑิตจะได้ศึกษาค้นคว้า ควรที่ผู้คงแก่เรียนทั้งหลายจะได้พิสูจน์กันในวันนี้ข้าพเจ้าพร้อมที่จะชี้แจงพร้อมที่อธิบายอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ขอให้เกจิอาจารย์ทั้งปวงรวมตัวกันไปพิสูจน์ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาพูดกันแบบลม ๆ แล้ง ๆ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาวิจารณ์กันเล่น ๆ หากท่านประสงค์จะเรียนรู้และเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแท้จริงแล้ว ข้าพเจ้าให้การต้อนรับด้วยความยินดี เพราะความรู้ว่าด้วยการปราบมารนั้น ควรที่เราท่านจะต้องเรียนรู้ และอนุรักษ์สืบสานไปชั่วลูกชั่วหลาน เป็นความรู้สำคัญที่ไปศึกษาเล่าเรียนที่ใดในโลกไม่ได้ เพราะที่ใดในโลกไม่มีความรู้อย่างนี้ ไม่มีในมหาวิทยาลัยใดทั้งนั้น มีก็แต่ในบ้านเราคือเมืองไทยเท่านั้น
ผู้ที่จะบอกความรู้ทั้งปวงให้แก่ผู้คงแก่เรียนได้ ก็คือ ลุงการุณย์ บุญมานุช เพราะข้าพเจ้ามีประวัติว่าเป็นผู้ปราบมารและเสนอผลงานปราบมารไปแล้ว เป็นหนังสือปราบมารภาคต่าง ๆ รวมทั้งเล่มนี้ด้วย เป็นหนังสือปราบมาร ๕ ภาค นี่คือหลักฐานที่เป็นเอกสาร
หลักฐานสำคัญที่เป็นเอกสารอีกประการหนึ่ง คือ ลุงการุณย์ บุญมานุช เป็นผู้เขียนขยายความรู้วิชาธรรมกายทุกหลักสูตร ต่อคำถามที่ว่า มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเขียนขยายความรู้วิชาธรรมกาย? ตอบว่า วิชาธรรมกายไม่ว่าจะหลักสูตรใด? มีความยากทั้งนั้น! ยากต่อการเข้าใจ! ยากต่อการตีความ! ยากต่อการเรียนรู้! ยากต่อการเข้าถึง!ยากต่อการปฏิบัติ! ยากต่อการรักษา! ยากทุกบท! ยากทุกหลักสูตร! สรุปแล้ว วิชาธรรมกายยากทั้งหมด หากข้าพเจ้าไม่นำบทความรู้แต่ละบทมาอธิบายความหมาย ความยากก็จะอยู่อย่างนั้น ความยากก็จะเป็นไปเช่นนั้น ส่งผลให้วิชาสูญในเร็ววัน เนื่องจากไม่มีใครปฏิบัติได้ ทุกคนทราบเป็นอันดีว่า วิชาธรรมกายเป็นของสูง เป็นความรู้ชั้นสูงในพระพุทธศาสนา ไม่มีศาสนาใดมีความรู้อย่างนี้ ความรู้นี้มีเฉพาะของพุทธศาสนาเท่านั้น ผู้ที่จะมาค้นคว้าพบความรู้นี้ก็คือพระพุทธเจ้าเท่านั้น คนอื่นค้นคว้าไม่ได้ เพราะบารมีธรรมไม่พอจึงค้นวิชานี้ไม่ได้ วันที่พระพุทธเจ้าค้นพบวิชานั้น เป็นวัฒนธรรมสืบต่อกันมาของหน่อเนื้อพุทธางกูร คือวันวิสาขบูชานั่นเอง ความรู้นี้เราท่านทราบกันแล้ว แต่เป็นการบังเอิญที่หลวงพ่อวัดปากน้ำมาค้นพบวิชานี้เข้า ท่านจึงเขียนความรู้เรื่องนี้ไว้ เป็นตำรา ๔ หลักสูตร คือ
(๑.) วิชาธรรมกายเบื้องต้น คือ วิชาธรรมกายหลักสูตร ๑๘ กาย เราท่านรู้จักกันดี เพราะทางวัดปากน้ำพิมพ์แจกมานานแล้ว ข้าพเจ้าไม่ต้องอธิบายอีก เพราะเราก็เคยเห็นเคยอ่านแล้วทุกคน
(๒.) วิชาธรรมกายหลักสูตรระดับกลาง เรียกว่า “คู่มือสมภาร” พิมพ์เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ พิมพ์ถวายสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นความรู้ ๑๕ บท หากรวมภาคผู้เลี้ยงด้วยจะเป็น ๓๐ บท
(๓.) วิชาธรรมกายหลักสูตรระดับยาก เรียกว่า “วิชชามรรคผลพิสดาร” เป็นความรู้ ๔๖ บท ซึ่งพระมหาจัน ป.ธ. ๕ เป็นผู้รวบรวมไว้ตั้งแต่ปี ๒๔๘๑ ทางวัดปากน้ำได้นำมาจัดพิมพ์ เมื่อปี ๒๕๑๗ จำนวน ๕๐๐ เล่ม
(๔.) วิชาธรรมกายระดับยากมาก เรียกว่า “วิชชามรรคผลพิสดารภาค ๒” เป็นความรู้หลากหลาย ซึ่งทางวัดปากน้ำได้นำมาจัดพิมพ์เมื่อปี ๒๕๑๙
(๕.) ยังมีวิชาธรรมกายอีกหลักสูตรหนึ่ง คุณฉลวย สมบัติสุข เล่าว่า ไม่ทราบว่าใครมายืมหลวงพ่อไป? หลวงพ่อก็ให้ไป แล้วไม่นำส่งคืน จนบัดนี้ข้าพเจ้ายังเข้าวิชาติดตามอยู่ ขอให้ได้ต้นฉบับคืนมา แล้วข้าพเจ้าจะนำมาขยายความให้ ขอให้ท่านผู้ยืมไป โปรดนำส่ง ลุงการุณย์ บุญมานุช บ้านเลขที่ ๑/๓๑ ถนนพระยาตรัง ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ๒๒๐๐๐ โทร. (๐๓๙) ๓๑๓๗๕๐ ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณอย่างมาก และจะมีรางวัลให้อย่างงาม ท่านผู้ยืมไป ถึงท่านเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว โปรดนำส่งข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะเผยแพร่แทนท่าน
โปรดจำไว้ว่า หลวงพ่อมรณภาพเมื่อปี ๒๕๐๒ ความรู้สำคัญคือ วิชาธรรมกายระดับยาก ได้แก่ “วิชชามรรคผลพิสดาร” และ “วิชชามรรคผลพิสดาร ภาค ๒” ไม่ได้จัดพิมพ์ในสมัยที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่
ตำราชั้นสูงอีกระดับหนึ่ง คือ “ตำราปราบมาร” หลวงพ่อไม่ได้ทำเป็นตำราไว้เลย น่าเสียดายมาก!
ตำราวิชาธรรมกายทุกหลักสูตรทุกวันนี้ ยังเป็นตัวทฤษฎีอยู่ ยังเป็นภาคปริยัติอยู่ ยังไม่เป็นภาคปฏิบัติที่ชัดเจน จึงยากต่อการเรียนรู้ ยากทั้งภาษาหนังสือ ยากทั้งความรู้ สรุปแล้วยากทั้งนั้น! หากข้าพเจ้าไม่นำมาขยายความ ก็จะยิ่งยากกันใหญ่ ผลที่ตามมาก็คือ จะทำให้วิชาสูญ เนื่องจากหาผู้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง บัดนี้ ข้าพเจ้าได้นำมาขยายความให้ครบทุกหลักสูตรแล้ว ความยากไม่มีอีกต่อไป ใคร ๆ ก็อ่านเข้าใจ ส่งผลให้ปฏิบัติได้ทันที นี่คือ ผลงานของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าทำได้อย่างอัศจรรย์
ข้าพเจ้าเป็นผู้ทำวิชาปราบมาร จนถึงขนาดนำผลงานปราบมารมาเสนอแล้วรวม ๕ ภาค จะไม่มีความสามารถนำวิชาธรรมกายทุกบทมาอธิบายได้นั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้อย่างไร? เพราะการปราบมารใช้ความรู้ชั้นสูงทั้งนั้น หากใช้ความรู้ธรรมดา มารจะดับได้อย่างไร? นี่คือเหตุผล
ข้าพเจ้าขอเตือนทุกคนว่า วิชาธรรมกายยากทั้งนั้น มารเขาจ้องหาจังหวะอยู่แล้ว ให้ระวังอย่าให้วิชาเพี้ยน เพราะมารเขาแทรกซ้อนเข้ามาได้ เราเป็นฐานทัพให้เขาโดยที่เราไม่รู้ตัวมารเขาจัดสรรให้ทั้งนั้น เขาอยู่หลังฉาก จะเอาเงินหรือ? จะเอายศถาบรรดาศักดิ์หรือ? จะเอาอำนาจหรือ? จะเอาชื่อเสียงหรือ? มารเขาจัดให้ได้ทั้งนั้น เขากำกับอยู่หลังฉากโดยที่วิชาของเราละเอียดไม่พอจึงไม่รู้เห็น! คงหลงตัวเองตลอดไป เงินไหลเข้ามา ผู้คนเฮเข้ามา มารเขากำกับการแสดงทั้งนั้น แต่ผู้เป็นเกจิอาจารย์ไม่รู้ตัวเลย คงหลงวิชาของตนอยู่อย่างนั้น นี่คือมารทำให้เราเข้าใจผิดไปหมด เราสำคัญผิดไปหมด ข้าพเจ้าได้รู้เห็นเรื่องนี้ในตอนที่ทำวิชาปราบมารนี่เองซึ่งก่อนนั้นข้าพเจ้าก็เข้าใจว่า เป็นบารมีของหลวงพ่อท่านแล้ว พอท่านเรียนจบ ท่านก็ออกบวชท่านสืบสานวิชา ผู้คนให้การสนับสนุน เงินทองหลั่งไหลราวพายุ แต่พอข้าพเจ้าทำวิชาปราบมารผ่านไปเข้าปีที่ ๑๐ เศษ ความคิดของข้าพเจ้าเปลี่ยนไปเสียแล้ว ที่เราเคยว่าเป็นบารมีของหลวงพี่นั้น ไม่ถูกเสียแล้ว การที่เงินหลั่งไหลเข้ามาและผู้คนเฮเข้ามา เป็นเพราะมารเขากำกับทั้งนั้น มารเขาทำได้ปานนั้นเชียวหรือ? เราตกเป็นฐานทัพของมารโดยเราไม่รู้ตัว ทั้งที่เราเป็นวิชา นี่มันอะไรกัน? คือความข้องใจของข้าพเจ้า
แล้วความข้องใจก็เบาบางลง ที่เรา แก่-เจ็บ-ตาย ในทุกวันนี้ ไม่ใช่ฝีมือของมารหรือ? ศาสนาเดียวกันแท้ ๆ ยังแยกเป็นนิกายต่าง ๆ นี่ก็ฝีมือของมารเขา ที่เขาสามารถสอดละเอียดให้ความคิดของเราแตกแยกไปได้ ประเทศเดียวกันแท้ ๆ ยังแยกเป็น ๒ ประเทศได้ เช่น เวียดนามเกาหลี เยอรมัน เป็นต้น สรุปแล้ว มารเขาบังคับได้หมด จะให้อะไรเป็นอย่างไร? เขาบังคับได้ทั้งนั้น ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการได้ทั้งนั้น เพราะเขาเป็นเจ้าธาตุเจ้าธรรม เขาเป็นใหญ่ เขาบังคับได้หมด มาถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าได้ข้อคิดว่า วิชาธรรมกายเป็นลู่ทางของมรรคผลนิพพาน มารเขาคอยหาจังหวะที่จะสอดแทรก ก็เพื่อให้มรรคผลนิพพานล่มสลาย เป็นหน้าที่ของเขาอย่างนั้น การงานของเขาเป็นเช่นนั้น
เมื่องานปราบมารมาถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าได้รู้เห็นว่าวิชาของพวกเราเพี้ยนเสียแล้ว เสียท่าเขาเสียแล้ว ก็ได้แต่เตือนไว้ว่า ระวังวิชาเข้าไว้! อย่าให้วิชาเพี้ยน! อย่าไปเชื่อเงิน อย่าไปเชื่อที่ผู้คนเฮมาสนับสนุน เพราะนั่นคือมารเขาจัดสรรทั้งนั้น เขาต้องการให้เราหลงตัวผิด ข้าพเจ้าก็บอกแล้วว่า หน้าที่ของมารเขาต้องทำอย่างนั้น งานของเขาเป็นอย่างนั้น
จงจำไว้เป็นตำรา ว่าการเรียนโดยไม่เปิดตำรา เกิดความเสียหายทั้งนั้น
คราวนี้เรามาคิดดูว่า คนที่เขาโกยเงินมาให้เรานั้น ถามว่าเขาได้รับอะไร? ผู้คนที่เขาเข้ามาเป็นหมื่นแสนนั้น ถามว่าเขาได้อะไร? ข้าพเจ้าก็บอกแล้วว่า มารเขาบังคับมาได้ เพราะเขาต้องการให้เราหลงผิด นี่คือวิธีของมารเขา
งานของมารคืออะไร? ข้าพเจ้าก็บอกแล้วว่า ประชาชนเดือดร้อน ประชาชนขัดสนนั่นคืองานของมาร! เกจิอาจารย์เกิดการหลงผิดวิชา นั่นคืองานของมาร! มรรคผลนิพพานล่มสลาย นั่นคืองานของมาร!
ข้าพเจ้าจะตอบคำถามทั้งหมดให้ครบทุกประเด็น ยังตอบเช่นนั้นไม่ได้ ขอบอกแต่ว่างานปราบมารของข้าพเจ้าในยุคปราบมารภาค ๔ เรื่องการไปพบทะเลบุญรายการต่าง ๆ ตามที่นำมารายงานไว้นั้น ได้ความรู้ว่า คนเฮเข้ามา เงินหลั่งไหลดังพายุนั้น เกิดจากมารเขาเข้าบังคับประชาชน พอถึงขั้นคำนวณบารมี เพราะเมื่อใครมาบำรุงพระศาสนาแล้ว? พระพุทธองค์จะต้องให้บารมี มารเขาก็มารับบารมีแทนเรา โดยที่เราไม่มีรู้ไม่มีญาณทัสสนะไปรู้เห็น เนื่องจากเราเป็นวิชาธรรมกายอ่อน ๆ แต่หลงตัวเองว่าเราเป็นธรรมกายแก่กล้าแล้ว มารเขาอ้างว่า งานนี้เขาเป็นคนหาเงิน เขาเป็นคนเกณฑ์ผู้คนมา บารมีต้องเป็นของเขา เพียงเท่านั้นเอง พระพุทธองค์ก็ทรงพูดไม่ออก ไม่รู้จะทำประการใด? เพราะมารเขาก็เข้าบังคับพระองค์ด้วย แล้วมารก็รับเอาบารมีไปอย่างสะดวกโยธิน เหตุการณ์นี้เป็นมานานแล้ว ยังไม่มีใครแก้ได้ จึงว่าเล่มปราบมาร ๔ มีคุณค่าอย่างยิ่ง! ควรแก่การอ่านอย่างยิ่ง! เพราะมีประสบการณ์เช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงเคยพูดว่า ทำบุญให้มารกิน ทำเงินให้โจรใช้ หากข้าพเจ้าไม่รู้ไม่เห็น ข้าพเจ้าจะเอาอะไรมากล่าว? นี่คือ ความรู้ที่ได้จากงานปราบมาร หากใครไม่ได้อ่านปราบมารภาคต่าง ๆ เราจะหูตากว้างไกลได้อย่างไร? เราก็เขลาอยู่อย่างนั้น ความรู้อย่างนี้ ความรู้ระดับนี้ ไม่มีใครในโลกบอกเราได้อีกแล้ว
อ่านเพิ่มเติมใน >>> หนังสือปราบมารภาค 5 หน้า 82