มารบังคับใจกี่ระดับ?

๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖

          การบังคับใจนั้น มารบังคับกี่ระดับ? ตอบ บังคับ ๒ ระดับ คืออะไร?

          ๑.  ระดับปกครองใหญ่ คือ การบังคับใจระดับอายตนะนิพพาน ได้แก่ การบังคับพระพุทธองค์ในอายตนะนิพพาน

          ๒. ระดับปกครองย่อย คือ การบังคับระดับ ภพ ๓ คือ บังคับอรูปพรหม ๔ ชั้น พรหม ๑๖ ชั้น สวรรค์ ๖ ชั้น และมนุษย์โลกรวมทั้งสัตว์โลกทั้งปวง

ข้อควรคิด

          แม้พระพุทธองค์ในอายตนะนิพพาน มารยังบังคับได้ แล้วมนุษย์อย่างเรา ทำไมมารจะบังคับไม่ได้!

 

มารมีกี่ประเภท?

          ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖

          ประเภทของมารมีกี่ประเภท? มี ๕ ประเภท ดังนี้

  • กิเลสมาร ขัดขวางไม่ให้ทำความดี ชักนำให้ทำชั่ว ล้างผลาญความดี
  • ขันธมาร คือ ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ  บังคับให้เกิดทุกข์ร้อน เจ็บป่วย
  • อภิสังขารมาร เป็นตัวปรุงแต่งให้เกิดชาติชรา ขัดขวางไม่ให้พ้นไปจากทุกข์  ต้องเวียนว่าย
  • เทวบุตรมาร บังคับให้ข้องอยู่ในการมคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
  • มัจจุราชมาร บังคับให้ตาย ตัดโอกาสไม่ให้ทำความดีทั้งหมด

          มารทั้งปวงนี้ มารุมกันที่กายกับใจของมนุษย์โลก

          กรณีที่มารไปปกครองพระพุทธองค์ในอายตนะนิพพาน มารประเภทนั้น ไม่รู้ว่าเป็นประเภทใด? แต่มาร ๕ ประเภทที่กล่าวนี้ มีปรากฏในพระไตรปิฎก

          มารก็มีรูปร่างอย่างมนุษย์เรานี้ ไม่มีอะไรต่างกันเลย แต่ต่างกันที่ธาตุธรรม มีธาตุธรรมต่างไปจากธรรมภาคขาว ดวงธรรมดำ กายดำ

          มนุษย์บวชเป็นพระ เป็นกายในรูปแบบพระสงฆ์ มารเขาก็มีรูปแบบกายอย่างพระสงฆ์ด้วย เรามีกายในรูปแบบของกายธรรม (ธรรมกาย) มารเขาก็มีกายในรูปแบบนั้นด้วย รวมความว่า เหมือนกันทั้งหมด ต่างกันที่ “สี” เท่านั้น

          ข้อที่เราต้องพิจารณาให้ชัดเจน ก็คือ ทำไมมารจึงมีฤทธิ์เดชมากนัก? เป็นเจ้าแห่งธาตุแห่งธรรมทั้งหลาย เขาเป็นมหาอำนาจ เขาเป็นผู้ปกครองทั้งปวง เขาเป็นเจ้าแห่งอำนาจ ทั้งในฝ่ายพระพุทธและจักรพรรดิ เขาชนะเลิศในที่ทั้งปวง

          ใครถูกมารปกครอง? ผู้นั้นเดือดร้อน และไม่ตรัสรู้ธรรม

          เป็นเวรกรรมของข้าพเจ้า ที่ธาตุธรรมบังคับให้ข้าพเจ้าทำวิชาปราบมาร ตามที่ข้าพเจ้าสืบรู้สืบญาณดูในอดีตกาลนั้น ปรากฏว่าการปราบมารทำมาในทุกยุคทุกสมัย แต่ไม่มียุคใดสมัยใดชนะมารเลย

          ที่รู้ชัดก็คือ การปราบมารในยุคของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ทำวิชาปราบมารมา ๓๐ ปี ตั้งเวรทำวิชา ๖ เวร ๆ ละ ๔ ชั่วโมง หลวงพ่อมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๒ แล้วงานปราบมารก็หยุดลงในปีนั้น ผู้ทำวิชาก็ต่างคนต่างไป ไม่มีผู้อำนวยการทางวิชา

          ผู้ทำวิชาบางท่านยังอยู่วัดปากน้ำ แต่ส่วนใหญ่ต่างก็กลับบ้านเดิมไปอยู่กับญาติและลูกหลาน

          นี่คือ ประวัติที่เราได้เรียนรู้

          ถามว่า ผลงานปราบมารเป็นอย่างไร?

          ปรากฏว่า ไม่มีใครเล่าให้ฟังได้ เพราะไม่มีการบันทึกเหตุการณ์รบไว้ เพียงแต่ได้ยินผู้ทำวิชาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังบ้าง ก็ได้ยินเพียงแค่นั้น

          ครั้นข้าพเจ้าลองศึกษาเรียนรู้ดู ปรากฏว่าผลงานปราบมารยังไม่ไปถึงไหน? เพราะไม่ใช่งานทำง่าย ใคร ๆ ก็เบื่อกันทั้งนั้น โดยเฉพาะข้าพเจ้าเอง เบื่อหน่ายยิ่งกว่าใคร!

          การที่ข้าพเจ้าต้องมาทำวิชาปราบมาร ข้าพเจ้าก็พูดชัดแล้วว่า “เป็นเวรกรรมของข้าพเจ้า”  ที่ข้าพเจ้าต้องมามีหน้าที่อย่างนี้

 

หน้าที่ของมาร

          ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖

          พิจารณาหน้าที่ของมาร ๕ ให้จำง่าย ๆ ตามที่สรุปย่อนี้

               ขันธมาร              ชัดเจน เพราะบังคับขันธ์ ๕ ให้เป็นทุกข์

               เทวบุตรมาร        บังคับให้หมกมุ่นในกามคุณ ๕

               มัจจุราชมาร       บังคับให้ตาย

               กิเลสมาร             บังคับให้ทำชั่ว

               อภิสังขารมาร     บังคับให้เวียนว่ายตายเกิด ไม่ให้ได้มรรคผลนิพพาน

          มาร ๕ ประเภทนี้มีปิฎก ๓ คือ วินัยปิฎก สุตตันตปิฎก และอภิธรรมปิฎกอย่างที่ธรรมภาคขาวมี ปิฎกของมารทำหน้าที่ปกครองปิฎกของธรรมภาคขาวไปตามอำนาจปกครองของเขาเป็นลำดับไปทีเดียว

          กล่าวถึงมนุษย์อย่างพวกเรานี้ รวมถึง ทิพย์ พรหม และอรูปพรหมทั้งหมดในภพ ๓ นี้ ถูกปิฎกของมาร ๕ ปกครองทั้งหมด

          จำหลักความรู้ไว้ว่า ที่ใดมีดวงธรรม ที่นั่นมี เห็น-จำ-คิด-รู้ ของธรรมประเภทนั้น ๆ เจือปนอยู่ ทำหน้าที่กำกับดูแล คือ ทำหน้าที่กำกับดูแล คือ ทำหน้าที่ปกครองดวงธรรม

          เมื่อมีดวงธรรมแล้ว ก็ต้องมีกายปกครองดวงธรรมเสมอไปด้วยเช่นกัน

 

วิธีปกครองของมาร

          ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖

          มารเขาใช้ดวงปิฎกธาตุปิฎกธรรมของเขา เข้ามา หุ้ม-เคลือบ-เอิบ-อาบ-ซึม-ซาบ-ปน-เป็น-สวม-ซ้อน-ร้อยไส้ ในดวงปิฎกธาตุปิฎกธรรมของเรา ส่งผลให้ปิฎกธาตุปิฎกธรรมของเราเสื่อมอานุภาพลงและดับไป เหมือนงูรัดตัวกบเขียด กบและเขียดจะค่อย ๆ ตายไป อาการตายของกบและเขียด คือ ขั้นตอนของ “ร้อยไส้” นั่นเอง

สาเหตุการแพ้ของภาคขาว

          ถ้าระดับมรรคผลนิพพานตรัสรู้ไม่ได้ บ่งบอกว่า แพ้มารแล้ว เพราะปิฎกธาตุปิฎกธรรมระดับนั้น ถูกปิฎกของมารเข้ามาปกครองแล้ว

          เมื่อระดับมรรคผลนิพพานเป็นเช่นนั้น จะส่งผลกระทบมาถึง ภพ ๓ ทันที

          ภพ ๓ คือใครบ้าง? ภพ ๓ คือ มนุษย์ ทิพย์ พรหม และอรูปพรหม รวมทั้งจักรพรรดิกายสิทธิ์ด้วย

          กล่าวถึงการปราบมารมาถึงเรื่องดวงธรรม ๖ ดวง ก็ต้องกลับไปค้นอ่านผลงานรบมาถึงเรื่องดวงธรรม ๖ ดวงตั้งแต่เมื่อไร? อ่านบันทึกดู จับความตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ แล้วสรุปย่อเรื่องเข้ามา เราก็พอสรุปได้

          มาร ๕ ประเภทนี้ เป็นมารที่ทำหน้าที่ปกครองอยู่ในภพ ๓ นี้ ตามความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ไว้ในโลก

          มาร ๕ ประเภทมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งเราเรียนรู้อยู่ในโลกมนุษย์ แต่มารที่ไปทำหน้าที่ปกครองอยู่ในอายตนะนิพพาน เราไม่ทราบว่าเป็นมารประเภทใด? เขาปกครองระดับผู้ได้มรรคผลนิพพานทั้งหมด

          ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่า การทำวิชาปราบมารนั้น ทำไปได้อย่างไร?

          ตอบ วิชาปราบมารที่ทำนั้น ถือหลักว่า กายใดไม่ขาวใส? ดวงธรรมใดไม่ขาวใส? ต้องทำวิชาดับกายนั้นดวงธรรมนั้นสถานเดียว!!

          ถือว่าสิ่งนั้นเป็นภาคมาร เรื่องก็จบแค่นี้ 

อ่านเพิ่มเติมใน >>> หนังสือปราบมาร ภาค 6 หน้า 23