คำถามสำคัญสุดยอด!!!
๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๖
ข้อพึงพิจารณาสำคัญ
คำถามสำคัญนั้น ถามว่าอะไร?
ถามว่า กาย ๑๘ กายของมนุษย์ และดวงธรรมประจำกาย ๖ ดวง เป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่แล้วทุกคน คล้ายกับว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในบ้านของเรา
เหตุใดพระพุทธองค์จึงต้องใช้เวลาค้นคว้าตรวจดูสิ่งทั้งปวงนี้ถึง ๖ ปี จึงจะพบกาย ๑๘ กาย และพบดวงธรรมประจำกาย?
เหตุใดผู้ค้นพบจะต้องเป็นถึง “พระพุทธเจ้า”? มนุษย์ธรรมดาอย่างเรานี้ค้นไม่ได้หรือ? เพราะสิ่งทั้งปวงนั้นมีอยู่ในกายของเราแล้ว เราเป็นเจ้าของบ้าน ค้นหาของในบ้านของตัวองไม่ได้หรือ?
นี่คืออะไรกัน?
มีข้อคิดอะไรจงแสดงประกอบคำตอบด้วย?
ตอบ มีหลักความจริงที่ต้องพิจารณาคือ
(๑.) การค้นหาดวงธรรมในกาย ต้องใช้ใจที่มีสภาพ “หยุด” “นิ่ง” “แน่น”
(๒.) และต้องวางใจให้ “ถูกดวงธรรม” ด้วย หากวางใจ “ไม่ถูกที่ตั้งของดวงธรรม” ก็จะไม่พบดวงธรรม เพราะวางใจผิดที่ นั่นเอง
อธิบายเพิ่มเติมว่า แต่การที่จะให้ “ใจ” ปฏิบัติเพื่อเป็นไปตามกฎเกณฑ์ทั้ง ๒ ข้อดังกล่าวนั้น เป็นไปได้โดยยากยิ่ง ยังไม่มีใครทำได้
เป็นเพราะเหตุใดถึงปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั้ง ๒ ข้อนี้ไม่ได้?
ก็เพราะใจทนต่อการกระทำของกิเลสทางใจไม่ได้
เพราะกิเลสทั้งปวงนั้น คอยกระทำให้ใจมีอาการ สั่น-ส่าย-ไหว-ริบ-รัว และปัดใจไม่ให้วางใจถูก “ที่ตั้งของดวงธรรม” เสมอไป
เราจะพบว่าการพัฒนาใจแบบ “พุทโธ” และแบบ “หนอ” ไม่ได้วางใจที่ศูนย์กลางกาย นี่คือข้อมูลที่เราพบอยู่ ส่งผลให้การเรียนภาวนาแบบพุทโธและแบบยุบหนอพองหนอ ไม่ได้ผลงานอะไร? อย่างมากก็ได้แค่ “ใจสบาย” และ “ใจปลอดโปร่ง” แต่ไม่เข้าถึงดวงธรรมและไม่เข้าถึงกายต่าง ๆ
ดังนั้น การที่จะให้ใจเกิดความรู้ต่อสู้กิเลสทางใจได้นั้น ต้องฝึกใจของเราให้เกิด “ประสบการณ์ ๑๐ อย่าง” ที่เราเรียกว่า “บารมี ๑๐ ประการ” คือ ทานบารมี-ศีลบารมี-เนกขัมมบารมี-ปัญญาบารมี-วิริยะบารมี-ขันติบารมี-สัจจะบารมี-อธิษฐานบารมี-เมตตาบารมี-อุเบกขาบารมี
หมายความว่า ใจของเราต้องสร้างประสบการณ์ ๑๐ อย่างให้เกิดแก่ใจแล้วจะส่งผลให้ใจมีกำลังสู้กิเลสทางใจได้ หมายถึงว่า ต้องเพิ่มพูนประสบการณ์ ๑๐ ประการให้มากชาติให้มากภพ หากประสบการณ์ ๑๐ อย่างอ่อนไป ก็สู้กิเลสทางใจไม่ได้
คำถามที่ตามมาคืออะไร?
ถามว่า กิเลสทางใจอยู่ที่ไหน? เขาทำมาหากินอะไร?
ตอบ กิเลสทางใจก็มีภพภูมิอยู่ที่ใจมนุษย์ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่อายตนะภายนอก ๖
ที่ว่ากิเลสอยู่ที่ใจมนุษย์นั้น ก็คือ อยู่ที่อายตนะภายใน ๖ ได้แก่ หู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ และที่ว่ากิเลสอยู่ที่อายตนะภายนอก ๖ ก็คือ รูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัส-ธรรมารมณ์
อธิบายว่า กิเลสที่อายตนะภายในและอายตนะภายนอกรับส่งกันนั้น เหมือนการเล่นกีฬาฟุตบอล ใครส่งลูกบอลให้แก่ใคร? ครั้นได้จังหวะก็ยิงฟุตบอลเข้าประตู
คำถามที่ว่า กิเลสเขาทำมาหากินอะไร?
ตอบ กิเลสก็เหมือนมนุษย์ คือ ต้องการอาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค (ปัจจัย ๔) คำว่า “ยารักษาโรค” ของกิเลสนั้น หมายถึง “วิชาของมาร” ที่จะใช้ดับวิชาของธรรมภาคขาวได้ นั้นเอง
อาหารของกิเลส ก็คือ ดวงธรรมของเรา หรือ ดวงบารมีของเรา กิเลสเขามาอาศัยกินอาศัยใช้ แต่มนุษย์ไม่รู้! จงดูพยาธิที่อยู่ในร่างกายของเรามันก็ดูดกินอาหารที่มนุษย์กินเข้าไป นั่นเอง จงดูเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายเรา ถามว่า เชื้อโรคกินอะไรในร่างกายเรา? ตอบว่า มันกินสารพัดที่มีในร่างกายเรา ครั้นเรากินยาเข้าไป ยานั้นก็ไปกำจัดพยาธิ และกำจัดเชื้อโรค “ยา” ก็คือ วิชาของธรรมภาคขาว
ข้อควรคิด
ข้อควรคิดคืออะไร?
ดวงธรรมเป็นของเรา มีอยู่ในกายของเรา เราเป็นเจ้าของ เหตุใดเราจึงไม่เห็นดวงธรรมของเรา? กิเลสที่อยู่ในอายตนะภายใน ๖ คอยเบี่ยงเบนใจของเราไม่ให้เราเอาใจจรดจ่อ ไม่ให้เราได้พบ เพื่อกิเลสจะได้ปกครองดวงธรรมของเรา และอาศัยดวงธรรมของเราดำรงชีวิตของเขา
มีใครคิดเรื่องนี้บ้าง?
การเข้าถึงดวงธรรมในกายนั้นทำยากยิ่ง ต้องเป็นฝีมือระดับพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้ ชาวโลกอย่างเราหมดโอกาสหรือ? ดวงธรรมเป็นของเรา ทำไมเราไม่เห็น? ทำไมกิเลสมันใช้เป็นที่อยู่ที่กินของมันอย่างสบายใจ?
มีใครคิดเรื่องนี้บ้าง?
จงคิดว่า การจะทำใจของเราให้เห็นดวงธรรมนั้น ต้องฝีมือระดับพระพุทธเจ้าเท่านั้น การเป็นพระพุทธเจ้าเป็นง่ายอยู่หรือ? ต้องสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธนั้นอเนกอนันต์ชาติทีเดียว กว่าบารมี ๑๐ ประการจะเต็มส่วน นับชาตินับภพกันไม่ถ้วน
กว่าจะได้พระพุทธเจ้าสักองค์หนึ่งนั้น ยากเย็นยิ่งนัก
มีใครคิดถึงเรื่องนี้บ้าง?
ชวนให้นึกถึงวิชาธรรมกายที่หลวงพ่อรวมไว้ ๕ หลักสูตรนั้น เป็นสมบัติล้ำค่าของชาวโลก!!!
มีใครคิดได้บ้าง!?!
แปลว่า กิเลสปกครองสัตว์โลกอย่างสบายอารมณ์ เขาไม่ต้องทำกินอะไร? ดวงบารมีที่อยู่กับดวงธรรมนั้น เขาก็ใช้กินอยู่อย่างสุขสบาย โดยไม่มีใครคิดกำจัดเขา นี่คือสร้างบารมีให้มารใช้ ทำเงินไว้ให้โจรกิน
มีใครที่ไหนคิดได้บ้าง?
อ่านเพิ่มเติมใน >>> หนังสือปราบมาร ภาค 6 หน้า 60